วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แกงเห็ด บ้าน บ้าน

เรามาประเดิมอาหารจานแรกด้วยอาหารบ้านๆ กันด้วย แกงเห็ดใส่ผักหวาน ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันมากของชาวกรุงเทพ เพราะ ไม่ว่าจะขึ้นห้าง หรือข้างถนน ตามรถเข็น ตอนนี้ มีขายกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะคนเริ่มสนใจรักสุขภาพทานเนื้อสัตย์กันน้อยลง จะพูดไปก็เป็อาการสุขภาพจริง 
ผักหวานบ้าน
 อย่างผักหวานที่เค้านิยมและหาซื้อง่ายตามท้องตลาดก็ ผักหวานบ้าน ส่วนผักหวานป่าจะหายากอยู่สักหน่อยต้นใหญ่ ต่างจากผักหวานบ้านออกจะเป็นพื้ชล้มลุกต้นไม่ให่ หน้าตาก็คลายๆกัน

ผักหวานบ้านที่เรานิยมนำมาแกงเห็ด

มีสรรพคุณทางยาเป็นสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ในใบมีสาร papaverine กินมากจะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ท้องผูก นอกจากนี้ทั้งใบและต้น มีรสหวานเย็น และน้ำยางจากต้นและใบ ใช้หยอดตา แก้ตาอักเสบ ตำผสมกับรากอบเชยเป็นยาพอก รักษาแผลในจมูก ผสมกับสารหนูใช้ทาแก้โรคผิวหนังติดเชื้อ ใบและราก ตำให้ละเอียดใช้พอกฝี ราก รสเย็น ต้มเป็นยาแก้ไข้ ถอนพิษไข้ แก้ตัวร้อน แก้ไข้กลับ แก้ซาง แก้ปัสสาวะขัด ผิดสำแดง รักษาคางทูม สารสกัดใบและลำต้นด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ HIV-1 reverse transcriptase เล็กน้อย ไม่มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งในหนูทดลอง ในยาพื้นบ้านล้านนา ใช้รากต้มน้ำดื่ม แก้โรคมะเร็งคุด ผสมกับสมุนไพรอื่น ฝนน้ำผสมข้าวเจ้า แก้ผิดเดือน ฝนทารักษาโรคมะเร็ง ที่มีอาการเจ็บ ร้อน ไหม้ ร่วมด้วย ฝนใส่ข้าวเจ้ากินรักษาโรคเลือดลมในชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง มูเซอ ใช้ ใบทั้งต้นต้มน้ำอาบ ละเคี้ยวกินแก้ปวดเมื่อยร่างกาย เป็นยาบำรุงสุขภาพสำหรับหญิงหลังคลอด

ผักหวานบ้าน มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายมีสารอาหารหลายชนิด ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินซี มีเบต้า-แคโรทีน สารต้านมะเร็งเป็นตัวนำ ตามด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัสเพื่อกระดูกแข็งแรง ต่อด้วยแมกนีเซียมช่วยในการยืดหดของกล้ามเนื้ออีกด้วย

ที่นี้เรามาพูดถึงเจ้าเห็ดกัน ที่ตามท้องตลาดที่เราเห็นกันนั้นนำมาทำได้หมดแต่ความแตกต่างก็จะต่างกัน
อย่างเห็ดฟาง เวลาแกงอย่าต้มนานเพราะจะแระและไม่อร่อยเท่าไหร่ 
เห็ดฟาง
ส่วนเห็ดลม เค้าจะมีความเหนียว นิด ต้องเคี่ยวนานนิดหนึ่งแต่อร่อยไปอีกแบบ และ สุดท้ายที่เค้านิยมนำมาแกงเห็ดกัน ก็เห็ดผึ้ง ซึ่งจะมีความเหนียวน้อยกว่าเห็ดลมมีความนุ่ใกว่าเห็ดฟาง แต่หน้าตาออกจะดูไม่น่ากินสักหน่อย
เห็ดลม

เห็ดผึ้ง
แต่ปัจจุบันก็มีการผสมเห็ดต่างๆตามแต่สะดวกที่หาซื้อกันมาใส่ก็ได้รสชาดไปหลายๆแบบตามชนิดของเห็ด





ที่นี้เรามาดูเรื่องของน้ำสีดำๆ ที่ใส่ในแกงเห็ดกัน สีของมันออกจะไม่ค่อยน่ากินสักเท่าไหรสำหรับผู่ที่ไม่เคบกินก็คงสงสัยว่าเค้าใส่อะไรทำไม่น้ำมันถีงสีนี้  ตอบเลยละกันเค้าใส่น้ำใบย่านางคั้นจนเป็นสีเขียว อันนี้ขอบอกเลย น้ําคลอโรฟิลล์ ชั้นดีเลยนะค่ะ

ใบย่านาง

ตอนนี้ได้กลายมาเป็นสมุนไพรสุดฮิต ที่มีคุณสมบัติปรับสมดุลในร่างกาย เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น และเป็นคลอโรฟิลล์สดจากธรรมชาติ  ใบย่านางและน้ำคั้นจากใบยังมีแคลเซียมและวิตามินซีจำพวก เอ, บี 1, บี 2 และ เบต้า-แคโรทีน ค่อนข้างสูง คนโบราณเชื่อกันว่ารากของเถาย่านางนั้นสามารถแก้ไขได้ อีกทั้งยังช่วยถอนพิษผิดสำแดงและพิษอื่น ๆ แก้เมาเรือ แก้เมาสุรา แก้โรคหัวใจและแก้ลม ใบก็ช่วยถอนพิษและแก้ไข้  ปัจจุบันคนหันมาดื่มน้ำใบย่านางกันมาก มีทั้งแคปสูนขายก็มี

จากนั้นก็มาถึงเครื่องแกงก็ไม่มีอะไรมาก  ก็มีพริก จะพริกสดกรือพริกแห้งก็ได้ ส่วนใหญ่ที่นิยมคือพริกสด  หอมกะเทียม ตะไคร้ นำมาตำรวมกัน ถ้าเพิ่มกะปิก็จะคล้ายๆแกงเลียง แต่เราไม่ใส่กะปิเพราะแกงเห็ดในแบบฉบับของทางอีสานนั้นเค้าใส่น้ำปลาร้า หากใครไม่กินก็ไม่ต้องใส่ใช้กะปิแทนก็ได้

เท่านี้เราก็ได้แกงเห็ดแสนอร่อยตามแบบฉบับชาวบ้านแต่มากด้วยคุณค่าคุณประโยชน์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนรุ่นปู่ย่าตายายเราถึงแข็งแรง เพราะเค้ากินอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าที่หาได้ตามแถวบ้านเรานี้เอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น