แกงใบยอใส่ปลาดุก แม่ของผู้เขียนเรียกแบบนั้น แต่ถ้าทางภาคอีสานน่าจะเรียกอ่อมใบยอนะค่ะ ปกติคนทั่วไปที่ไม่ค่อนเข้าครัวสักเท่าไหร (อย่างเช่นผู้เขียน) จะคิดว่าใบยอน่าจะทำได้แค่ห่อหมกใบยอเท่านั้น จนแม่ผู้เขียนให้ลองกินแกงใบยอใส่ปลาดุก ยอมรับค่ะว่าโดยส่วนตัวผู้เขียนนะชอบทางแกงกะทิ พอแม่เสนอเลยอยากลองกินดูพอได้กิน อืมก็แปลกดีค่ะ อร่อยไปอีกแบบ รสชาดจะออกขมนิดๆ และ หอมกลิ่นใบยอ เนื้อปลาดุกเองก็จะติดกลิ่นใบยอออกขมนิดๆ สำหรับท่านที่ไม่กินต้มจืดมะละคงจะกินแกงใบยอยากอยู่สักหน่อย แต่อย่างโบราณท่านว่า " หวานเป็นลมขมเป็นยา " ที่นี้เรามาดูส่วนประกอบกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง
เริ่มจากพระเอกของเรา ใบยอเลยค่ะ
ใบยอ นับเป็นอาหารสมุนไพรที่เพียงไปด้วยคุณค่าจริง ๆ ใน
100 มิลลิกรัม มีวิตามินซี 76 มิลลิกรัม มากกว่ามะนาวถึงสอง
เท่า แคลเซี่ยม 350 มิลลิกรัม มากกว่านมสามเท่า นอกจากนั้น
ยังมี วิตามินเอ เหล็กและฟอสฟอรัสในปริมาณสูง
ประโยชน์ทางยาการรับประทานใบยอจะช่วยในการย่อยอาหาร
บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย มีบางท่านนำใบยอที่
ไม่แก่ไม่อ่อนจนเกินไปหั่นตากแดดบดเป็นผงละลายน้ำร้อนดื่ม
ครั้งละสองช้อนกาแฟหรือผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนกินครั้งละ
สองเม็ด

ขับลมในลำไส้ แก้คลื่นเหียน
อาเจียนช่วยย่อยอาหาร บำรุงธาตุไฟได้ดีนัก จึงนิยมใช้ทำยารักษา
โรคท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ทั้งผลดิบผลสุก จะนิยมฝานผล
แก่จัดเป็นแว่น ๆ ตากแดดให้แห้ง บดเป็นผงให้ละเอียดละลายน้ำร้อน
กินครั้งละ 2 ช้อนชา หรือผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนรับประทานครั้ง
1-2 เม็ดการใช้ผลลูกยอจะมีสรรพคุณที่แรงกว่าใช้ใบกินแล้วผายลมสบายท้องดีจริง ๆ แต่ไม่ยักกะมีใคร
หัวใสทำขาย



จากนั้นก็ใส่ใบยอที่เราหั่น เป็นสี่เหลี่ยม อย่างช่น ใบยอ 1 ใบเราก็หั่น ท่าขวางสัก 4 ส่วน แล้วเราก็หั่นท่ายาวอีกครั้งก็จะได้ใบยอรูปสี่เหลี่ยมน่ากิน หรือบางท่านจะหั่นท่าขวางเป็นเส้นๆยาวๆ ก็ได้นะค่ะ บางท่านก็ใช้วิธีฉีกได้หมดค่ะแล้วแต่สะดวกพอใบยอยุบตัวก็คนให้เข้ากับน้ำแกงชิมอีกสักครั้งปรุงรสอีกสักรอบทิ้งไว้สัก 5 นาทีก็ยกลงได้ค่ะ เท่านี้ก็เสร็จแล้วค่ะแกงใบยอ หรือจะเพิ่มความสวยงามด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงๆโรยหน้า เสริมกับข้าวสวยร้อนๆ ได้น้ำปลาพริกอีกสักถ้วยนะค่ะ หรือจะไข่เจียว เข้ากันได้ดีเลยละค่ะ